ผู้เล่นอาชีพ ของ ดานีอิล เมดเวเดฟ

2015–16: ช่วงแรก

เมดเวเดฟในการแข่งขันที่ นิส ประเทศฝรั่งเศส ค.ศ. 2015 ซึ่งเป็นปีแรกที่เขาเริ่มเล่นอาชีพ

เมดเวเดฟเริ่มต้นอาชีพโดยลงแข่งขันประเภทคู่ในรายการ เครมลิน คัพ จับคู่กับเพื่อนร่วมชาติอย่าง อัสลัน คารัตเซฟ และตกรอบที่สอง ก่อนจะลงแข่งขันในประเภทชายเดี่ยวในระดับเอทีพี ทัวร์ ครั้งแรก ที่นิส ประเทศฝรั่งเศสใน ค.ศ. 2016 และแพ้ กุยโด เปลลา 1–2 เซต สามสัปดาห์ต่อมา เขาคว้าชัยชนะในการแข่งขันทางการได้เป็นครั้งแรกในรายการ ริโคห์ โอเพน ประเทศเนเธอร์แลนด์ เอาชนะ โอราซิโอ เซบายอส แต่เขาถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันในรายการต่อมาที่รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เนื่องจากใช้วาจาดูหมิ่นผู้ตัดสิน[20][21]

2017: เข้าชิงชนะเลิศรายการแรก

ในเดือนมกราคม เมดเวเดฟเข้าชิงชนะเลิศในการแข่งขันทางการครั้งแรก เมื่อเขาแพ้ต่อ โรแบร์โต เบาติสตา อากุต จากสเปนในการแข่งขัน เจนไน โอเพน ที่อินเดีย ส่งผลให้เขาทำอันดับขึ้นมาจากอันดับ 99 มาอยู่ในอันดับ 65 ในขณะนั้น และยังคงทำผลงานได้ดีโดยเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายอีกสองรายการถัดมาที่ โอเพน ซุด เดอ ฟรองซ์ ที่มงเปอลีเย และ โอเพน 13 ที่มาร์แซย์ แพ้นักเทนนิสเจ้าถิ่นไปทั้งสองรายการ (โจ-วิลฟรีด ซองกา และ ลูกา พูยล์ ตามลำดับ) และยังเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ริโคห์ โอเพน โดยเอาชนะผู้เล่นมือวางอันดับ 6 ของรายการอย่าง โรบิน ฮาส ได้ก่อนจะแพ้ อิโว คาร์โลวิช และเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายในการแข่งขันเอทีพี 500 เป็นครั้งแรกในรายการ ควีนส์ คลับ แชมเปียนชิพส์ กรุงลอนดอน แต่แพ้ผู้เล่นชื่อดังอย่าง กริกอร์ ดิมิตรอฟ ตามด้วยการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ อีสต์บอร์น อินเตอร์เนชันแนล และแพ้ นอวาก จอกอวิช

เมดเวเดฟลงเล่นในระดับแกรนด์สแลมครั้งแรกในรายการวิมเบิลดัน และเอาชนะมือวางอันดับ 3 ของโลกอย่าง สตาน วาวรีงกา ได้ในรอบแรก 3–1 เซต ถือเป็นชัยชนะที่สำคัญที่สุดที่เขาทำได้ตั้งแต่เล่นอาชีพ[22] แต่เขาเข้าไปแพ้ รูเบน เบเมลม็องส์ ในรอบที่สอง[23] และเขาถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 14,500 ดอลลาร์สหรัฐ จากการใช้วาจาดูหมิ่นผู้ตัดสิน และขว้างเหรียญใส่บริเวณใต้เก้าอี้ผู้ตัดสิน[24]

2018: แชมป์รายการแรก

เมดเวเดฟใน ค.ศ. 2018

เมดเวเดฟลงแข่งขัน ซิดนีย์อินเตอร์แนชันแนล ที่ออสเตรเลีย และคว้าแชมป์ระดับทางการได้เป็นรายการแรกในชีวิต เอาชนะ นักเทนนิสเจ้าถิ่นอย่าง อเล็กซ์ เด มินออร์ ซึ่งเป็นนัดชิงชนะเลิศในการแข่งขันเอทีพีที่ประกอบไปด้วยคู่ชิงชนะเลิศที่อายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่ ราฟาเอล นาดัล (20 ปี) เอาชนะ นอวาก จอกอวิช (19 ปี) ในการแข่งขันมาสเตอร์ 1000 ที่อินเดียน เวลส์ สหรัฐ ใน ค.ศ. 2007 และเป็นคู่ชิงชนะเลิศที่อายุน้อยที่สุดของรายการนับตั้งแต่ ค.ศ. 1989[25] และเขาคว้าแชมป์รายการที่สองในอาชีพในการแข่งขัน วินสตัน-ซาเล็ม โอเพน ที่สหรัฐ เอาชนะ สตีฟ จอห์นสัน ตามด้วยแชมป์รายการที่สามที่กรุงโตเกียว ซึ่งถือเป็นแชมป์ระดับเอทีพี 500 ถ้วยแรกในอาชีพของเขา และเอาชนะผู้เล่นชื่อดังเจ้าถิ่นซึ่งเป็นมือวางอันดับ 3 อย่าง เค นิชิโคริ จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้เขาขยับขึ้นไปสูอันดับ 22 ของโลก และเป็นมือวางอันดับ 1 ในบรรดานักเทนนิสรัสเซียในขณะนั้น และยังเป็นการคว้าแชมป์สามรายการโดยที่เอาชนะผู้เล่นเจ้าถิ่นได้ทั้งสามรายการ เมดเวเดฟยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ เครมลิน คัพ ก่อนจะแพ้เพื่อนร่วมชาติอย่าง คาเรน คาชานอฟ ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันครั้งนั้น หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เขาเข้ารอบรองชนะเลิศ สวิส อินดอร์ โอเพน ที่สวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะแพ้ยอดผู้เล่นอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แต่อันดับโลกของเขายังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยขึ้นสู่อันดับ 16

เขาปิดฤดูกาลด้วยการเป็นผู้เล่นที่คว้าชัยชนะบนฮาร์ดคอร์ต (พื้นสนามคอนกรีต) มากที่สุดในฤดูกาล 2018 จำนวน 38 นัด มากกว่าผู้เล่นคนอื่น รวมทั้งเป็นหนึ่งในสี่ผู้เล่นที่คว้าแชมป์รายการแข่งขันบนฮาร์ดคอร์ตได้มากที่สุดประจำฤดูกาลที่ 3 รายการ เท่ากับเฟเดอเรอร์, จอกอวิช และคาชานอฟ[26]

2019: เข้าชิงชนะเลิศแกรนด์สแลม, แชมป์มาสเตอร์ 2 รายการ และเข้าชิงชนะเลิศ 6 รายการติดต่อกัน

เมดเวเดฟยังรักษาผลงานได้ดีต่อเนื่อง เขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศที่ บริสเบน อินเตอร์เนชันแนล โดยในรายการนั้นเขาเอาชนะผู้เล่นชื่อดังอย่าง แอนดี มาร์รี, มิลอช ราวนิช และโจ-วิลฟรีด ซองกา ได้ แต่ไปแพ้ เค นิชิโคริ ในรอบชิงชนะเลิศ[27] และเขาลงแข่งขันออสเตรเลียนโอเพนในฐานะมือวางอันดับ 16 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการจัดอันดับเป็นผู้เล่นมือวางในรายการแกรนด์สแลม ก่อนจะแพ้แชมป์ในครั้งนั้นอย่างจอกอวิชไป 1–3 เซต[28] แต่ยังคว้าแชมป์รายการที่ 4 ในอาชีพได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ในการแข่งขัน โซเฟีย โอเพน ที่โซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย เอาชนะ มาร์ตอน ฟูโชวิช สองเซตรวด[29] แต่ไปตกรอบรองชนะเลิศที่รอตเทอร์ดาม แพ้นักเทนนิสจากฝรั่งเศส กาแอล มงฟิล์ส

เข้าสู่การแข่งขันคอร์ตดิน เมดเวเดฟลงแข่งขันรายการระดับ มาสเตอร์ 1000 ที่มงเต-การ์โล ก่อนหน้านั้นเขาคว้าชัยชนะได้เพียง 2 จาก 13 นัดแรกในการแข่งขันบนคอร์ตดินในอาชีพ ทว่าเขาทำผลงานได้ดีขึ้น โดยเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ (8 คนสุดท้าย) รายการมาสเตอร์ 1000 ได้เป็นครั้งแรกที่นี่ รววมถึงการเอาชนะคู่ปรับอย่าง สเตฟาโนส ซิตซีปัส นักเทนนิสชาวกรีกในรอบที่ 3[30] และยังเอาชนะมือวางอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งก็คือ นอวาก จอกอวิช ในรอบต่อมา เป็นครั้งแรกในอาชีพที่เขาชนะผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกได้ แต่เขาก็ต้องยุติเส้นทางไว้ที่รอบรองชนะเลิศโดยแพ้ ดูซาน ลายอวิช[31] และเข้าชิงชนะเลิศรายการคอร์ตดินได้เป็นครั้งแรกในการแข่งขันที่บาร์เซโลนา และจากการที่เขาเอาชนะ เค นิชิโคริได้ ทำให้เขาเอาชนะผู้เล่น 10 อันดับแรกของโลกได้สามครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรก[32] แต่เขาแพ้ ด็อมมินิค ทีม ผู้เล่นชื่อดังชาวออสเตรีย ในรอบชิงชนะเลิศ[33] ก่อนที่ผลงานของเขาจะตกลง โดยแพ้การแข่งขัน 5 รายการรวด รวมถึงการตกรอบแรกแกรนด์สแลม เฟรนช์ โอเพน แต่กลับมาคืนฟอร์มเก่งได้ในการแข่งขันคอร์ตหญ้าที่ ควีนส์ คลับ แชมเปียนชิพส์ โดยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และขึ้นสู่มือวาง 10 อันแรกของโลกเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านเข้ารอบที่สามในวิมเบิลดัน

เมดเวเดฟทำผลงานได้ดีที่สุดในอาชีพในขณะนั้น เมื่อเข้าสู่การแข่งขันรายการฮาร์ดคอร์ตหลายรายการที่สหรัฐและแคนาดา โดยเข้าชิงชนะเลิศได้ 4 รายการต่อเนื่อง (วอชิงตัน ดี.ซี., มอนทรีออล, ซินซินแนติ และแกรนด์สแลมยูเอสโอเพนที่นิวยอร์ก) ถือเป็นผู้เล่นคนที่สามในประวัติศาสตร์ที่ทำสถิติดังกล่าวได้ (ต่อจากสองนักเทนนิสตำนาน อิวาน เลนเดิล และ อานเดร แอกัสซี) เขาแพ้ นิค เคียร์อีออส ในรอบชิงที่วอชิงตัน ตามด้วยการแพ้ ราฟาเอล นาดัล ในรอบชิงที่มอนทรีออล ซึ่งเป็นการเข้าชิงชนะเลิศรายการมาสเตอร์ 1000 ครั้งแรก โดยสามารถเอาชนะผู้เล่นที่อันดับดีกว่าเขาอย่าง ด็อมมินิค ทีม ได้ในรายการนั้น และคว้าแชมป์มาสเตอร์ 1000 รายการแรกในอาชีพได้ที่ซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ เอาชนะนอวาก จอกอวิช ได้เป็นครั้งที่สอง และเอาชนะ ดาวิด กอฟแฟง ในรอบชิงชนะเลิศ[34]

เมดเวเดฟลงแข่งขันยูเอสโพนในฐานะมือวางอันดับ 5 และได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้เล่นที่ขึ้นมาท้าชิงความสำเร็จจาก เฟเดอเรอร์, นาดัล และจอกอวิชได้อย่างเต็มตัว[35] เขาเอาชนะ อูโก เดยิเอน ในรอบที่สอง 3–1 เซต[36] ตามด้วยการชนะ เฟลิเซียโน โลเปซ ในรอบที่สาม ซึ่งเขาถูกปรับเงินจำนวน 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากการมีปากเสียงกับผู้ตัดสิน และกระทบกระทั่งกับผู้ชมในสนาม โดยเขาได้แสดงท่าทีเยาะเย้ยกลุ่มคนดูที่โห่ใส่เขา[37][38] ในรอบที่ 4 เขาเอาชนะ ด็อมมินิค เคิพเฟอร์ ตามด้วยการชนะ สตาน วาวรีงกาในรอบก่อนรองชนะเลิศ 3–1 เซต เป็นผู้เล่นชายชาวรัสเซียคนแรกในรอบกว่า 9 ปีที่เข้ารอบรองชนะเลิศระดับแกรนด์สแลม ต่อจาก มิคาอิล ยูชนี ใน ค.ศ. 2010 (ซึ่งยูชนีก็เอาชนะวาวรีงกาในรอบเดียวกันของรายการนี้เช่นกัน)[39] และจากชัยชนะดังกล่าวทำให้เมดเวเดฟได้สิทธิ์ลงแข่งขันรายการ เอทีพี ไฟนอล เป็นครั้งแรกในปีนี้[40] เขาเอาชนะ กริกอร์ ดิมิตรอฟ ในรอบรองชนะเลิศสามเซตรวด ผ่านเข้าชิงชนะเลิศในระดับแกรนด์สแลมได้เป็นครั้งแรก แต่แพ้นาดัลไปอย่างสนุก 2–3 เซต[41]

ต่อมาในการแข่งขัน เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก โอเพน เมดเวเดฟเป็นผู้เล่นรัสเซียคนแรกในรอบ 15 ปีที่คว้าแชมป์ได้ เขาเอาชนะ บอร์นา โชริช ในรอบชิงชนะเลิศ[42][43] ตามด้วยการคว้าแชมป์มาสเตอร์ 1000 รายการที่สองที่เซี่ยงไฮ้ เอาชนะ อเล็คซันเดอร์ ซเฟเร็ฟ ในรอบชิงชนะเลิศ[44] ทำสถิติเป็นผู้เล่นคนที่ 7 นับตั้งแต่ ค.ศ. 2000 ที่เข้าชิงชนะเลิศการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวของ เอทีพี ได้อย่างน้อย 9 ครั้งในฤดูกาลเดียว[45][46] เขาถอนตัวจากการแข่งขันที่มอสโก และเวียนนา[47][48] และปิดท้ายฤดูกาลด้วยการตกรอบแบ่งกลุ่ม เอทีพี ไฟนอล ที่ลอนดอน โดยแพ้รวดทั้งสามนัดที่พบกับนาดัล, ซเฟเร็ฟ และซิตซีปัส

2020: แชมป์ เอทีพี ไฟนอล และแชมป์มาสเตอร์ 1000 ใบที่ 3

เมดเวเดฟนำทีมชาติรัสเซียลงแข่งขัน เอทีพี คัพ ซึ่งจัดการแข่งขันขึ้นเป็นปีแรก และรัสเซียผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ทีมเซอร์เบีย ซึ่งเมดเวเดฟแพ้จอกอวิชในการแข่งขันประเภทเดี่ยว[49] ตามด้วยการตกรอบที่ 4 ในออสเตรเลียนโอเพน โดยแพ้สตาน วาวรีงกา 2–3 เซต และตกรอบแรกในการแข่งขันที่ รอตเทอร์ดาม และ มาร์แซย์

ภายหลังจากการแข่งขันทุกรายการหยุดพักไป 6 เดือนจากการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา เมดเวเดฟไม่สามารถป้องกันแชมป์มาสเตอร์ที่ซินซินแนติได้ โดยแพ้ โรแบร์โต เบาติสตา อากุต ในรอบ 8 คนสุดท้าย และตกรอบรองชนะเลิศยูเอสโอเพนโดยแพ้ ด็อมมินิค ทีม แม้ก่อนหน้านั้นเขาจะชนะคู่แข่งโดยไม่เสียเซตเลยตลอดการแข่งขัน[50] และเขาตกรอบแรกเฟรนช์โอเพนเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน และไม่สามารถคว้าแชมป์ที่ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และ เวียนนาได้ ก่อนจะกลับมาคืนฟอร์มด้วยการคว้าแชมป์มาสเตอร์ 1000 ที่ปารีส[51][52] และเขาคว้าแชมป์ เอทีพี ไฟนอล รายการสุดท้ายของปีได้เป็นครั้งแรก โดยไม่แพ้ใครเลยตลอดการแข่งขันทั้ง 5 นัด (รวมถึง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม) เอาชนะผู้เล่นอย่าง ซเฟเร็ฟ และ จอกอวิชได้ในการแข่งขัน และเอาชนะ ด็อมมินิค ทีม ในรอบชิงชนะเลิศ 2–1 เซต ถือเป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์การแข่งขันรายการนี้ที่คว้าแชมป์ได้โดยเอาชนะผู้เล่นมือวางอันดับ 1–3 ของโลกได้ครบทุกคน[53][54]

2021: ฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพ

เมดเวเดฟพาทีมรัสเซียคว้าแชมป์ เอทีพี คัพ สมัยแรก โดยเขาเอาชนะในการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวได้ทั้ง 4 นัดที่ลงแข่ง รวมถึงการเอาชนะ อเล็คซันเดอร์ ซเฟเร็ฟ และ ผู้เล่นชื่อดังของอิตาลีอย่าง มัตเตโอ แบร์เรตตีนี ทำสถิติชนะรวด 14 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ[55] ตามด้วยการเข้ารอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมเป็นครั้งที่สอง โดยเขาแพ้ จอกอวิช ในรอบชิงชนะเลิศออสเตรเลียนโอเพนขาดลอยสามเซต[56] ก่อนจะแก้ตัวได้ด้วยแชมป์ที่มาร์แซย์[57] และขึ้นสู่มือวางอันดับ 2 ของโลก ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดของเขามาถึงปัจจุบัน ถือเป็นผู้เล่นคนแรกที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม Big 4 ที่ขึ้นสู่อันดับสองสำเร็จ นับจาก เลย์ตัน ฮิววิตต์ ทำได้ใน ค.ศ. 2005[58] ก่อนจะต้องถอนตัวจากรายการมาสเตอร์ 1000 ที่ มงเต-การ์โล เนื่องจากติดไวรัสโคโรนา[59] และเขาทำผลงานในแกรนด์สแลมเฟรนช์โอเพนได้ดีขึ้นในปีนี้ ผ่านเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายก่อนจะแพ้ซิตซีปัส และถือเป็นครั้งแรกที่เขาสามารถผ่านรอบแรกในรายการนี้ได้

เมดเวเดฟคว้าแชมป์รายการคอร์ตหญ้า รายการแรกได้ที่ มาจอร์กา แต่เขาตกรอบ 4 ในวิมเบิลดัน โดยแพ้ ฮูแบร์ต ฮูร์กัตช์ จากโปแลนด์ ซึ่งต้องเลื่อนการแข่งขันในเซตตัดสินไปแข่งขันในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากฝนตก[60] เขาลงแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ที่โตเกียวทั้งในประเภทเดี่ยวและคู่ จับคู่กับ อัสลัน คารัตเซฟ แต่ตกรอบแรก และตกรอบ 8 คนสุดท้ายในประเภทชายเดี่ยว[61] ก่อนจกลับมาคว้าแชมป์มาสเตอร์ 1000 ที่แคนาดา เอาชนะ ไรล์ลี โอเพลกา[62] แต่เขาตกรอบรองชนะเลิศมาสเตอร์ ที่ซินซินแนติ แพ้เพื่อนร่วมชาติอย่าง อันเดรย์ รูเบลฟ โดยเขามีอาการบาดเจ็บที่ข้อมือซ้าย[63]

เมดเวเดฟคว้าแชมป์แกรนด์สแลมรายการแรกในอาชีพ โดยเอาชนะมือวางอันดับหนึ่งของโลก และของรายการอย่าง นอวาก จอกอวิช ในรอบชิงชนะเลิศยูเอสโอเพนสามเซตรวด (6–4, 6–4, 6–4) เขาเป็นหนึ่งในสองผู้เล่น (ร่วมกับ สตาน วาวรีงกา) ที่ขัดขวางจอกอวิชในการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมทั้ง 4 รายการภายในฤดูกาลเดียวกันได้ (วาวรีงกา เอาชนะจอกอวิชในรอบชิงชนะเลิศเฟรนช์โอเพน 2015) ต่อมา เขาลงแข่งขันรายการ เลเวอร์ คัพ[lower-alpha 3] ในนามทีมรวมดาราของทวีปยุโรป และทีมยุโรปสามารถป้องกันแชมป์ได้ เอาชนะทีมรวมดาราโลกขาดลอยด้วยผลคะแนน 14–1 แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จในรายการมาสเตอร์ 1000 สองรายการถัดมาที่อินเดียน เวลส์ (แพ้ กริกอร์ ดิมิตรอฟ ในรอบ 4)[64] และปารีส (แพ้จอกอวิชในรอบชิงชนะเลิศ)[65]

เขาลงแข่งขัน เอทีพี ไฟนอล ในฐานะแชมป์เก่า แต่ไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้ แพ้ อเล็คซันเดอร์ ซเฟเร็ฟ ในรอบชิงชนะเลิศ สองเซตรวด (4–6, 4–6) แม้จะเอาชนะได้ 4 นัดรวด (3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม และ 1 นัดในรอบรองชนะเลิศ)[66] ก่อนจะปิดท้ายฤดูกาลด้วยการพาทีมรัสเซียลงแข่งขันรายการ เดวิส คัพ[lower-alpha 4] และรัสเซียสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 3 โดยเมดเวเดฟเอาชนะในการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวได้ทั้ง 5 นัด[67]

2022

เมดเวเดฟลงแข่งขัน เอทีพี คัพ ในเดือนมกราคมเป็นปีที่สามติดต่อกัน[68] แต่รัสเซียไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้ โดยแพ้แคนาดาในรอบรองชนะเลิศ 1–2 คู่ แม้เมดเวเดฟจะเอาชนะในประเภทชายเดี่ยวได้[69] ต่อมา เขาลงแข่งขันออสเตรเลียนโอเพนในช่วงกลางเดือน

แหล่งที่มา

WikiPedia: ดานีอิล เมดเวเดฟ http://www.protennislive.com/posting/ramr/career_p... http://www.theguardian.com/sport/2017/jul/05/danii... http://www.theguardian.com/sport/2019/aug/31/danii... http://www.theguardian.com/sport/2021/aug/21/danii... //www.worldcat.org/issn/0307-1235 http://www.smsport.ru/expo/katalog/tennis/kru4kova... https://www.foxsports.com.au/tennis/australian-ope... https://www.foxsports.com.au/tennis/tennis-news-20... https://wwos.nine.com.au/tennis/us-open-final-2019... https://www.abc.net.au/news/2021-11-08/novak-djoko...